Saturday, September 20, 2014

ทำไมต้อง coffeelucky

หมายเหตุ บทความเก่าเก็บ เนื้อหาไม่ได้สนใจจะอัปเดต แต่จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรต้องอัปเดตหรอก


coffeelucky เป็นชื่อที่ผมใช้ตามบอร์ดต่าง ๆ ซึ่งจริง ๆ ก็เล่นอยู่ไม่กี่บอร์ดนักหรอก และ Avatar ผมก็มักจะเป็นรูปกาแฟ จนคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่มักจะจดจำผมได้ในนาม "กาแฟ" มากกว่าชื่อเล่นผมซึ่งก็คือ "แม็ค"

แต่ผมไม่ค่อยใส่ใจตรงนั้นเท่าไรนัก จริงๆก็นับว่าประสบความสำเร็จเสียด้วยซ้ำที่สร้างเอกลักษณ์จนคนอื่นจดจำผมได้ ซึ่งตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้นะเนี่ย

แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ หลาย ๆ คนชอบถามผมว่า "นายชอบดื่มกาแฟเหรอ" ซึ่งถ้านับตั้งแต่ที่ผมเริ่มใช้ชื่อนี้แล้ว ผมเจอคำถามนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งได้แล้ว และทุก ๆ ครั้งผมก็จะตอบว่า "เปล่านี่"

แน่นอนเลยว่า คำถามที่ตามมาก็คือ "แล้วทำไมใช้ชื่อนี้หรอ" ซึ่งมันมีอะไรอธิบายยาวยืดจนผมตอบกลับไปว่า "นั่นสิ ลืมไปแล้ว" แทบจะทุกคนที่ถามผมแบบนี้

เอาล่ะ ไหน ๆ ก็ไม่มีอะไรจะอัพบล็อกแล้ว วันนี้ก็เลยเลือกเรื่องนี้มาบ่น ๆ กันให้ฟังเล่น ถือซะว่ามาเฉลยที่มาอันเป็นปริศนาของชื่อผมเลยแล้วกัน



ตอนนั้นผมอยู่แค่ ม.2 เองมั้ง แล้วก็กำลังคิดชื่อที่จะใช้ในอินเตอร์เน็ตอยู่ แต่ก็คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก เลยตัดสินใจนำชื่อเล่นตัวเอง ซึ่งก็คือ Mac มาทำการสลับอักษรและเพิ่มอะไรนิดหน่อยเข้าไป จนได้ชื่อว่า Mocca (โดยมารู้ทีหลังว่าเขียนให้ถูกต้อง ต้องเป็น Mocha)

หลังจากนั้น ผมก็ใช้ชื่อนี้มาโดยตลอด จนผมไปเล่นเกมออนไลน์ โดยใช้ชื่อตัวละครหลักเป็น Mocha แต่ก็พบปัญหาที่ว่า "แล้วไอ้ตัวที่เหลือ มันจะชื่ออะไรดี" นั่นไง ปัญหาเกิดแล้ว เลยคิดไปคิดมา ไหนๆไอ้ตัวแรกก็ชื่อม็อคค่าแล้ว ตัวที่เหลือก็ใช้ชื่อเป็นกาแฟไปให้หมดเลยแล้วกัน

ชื่อที่ตามมาก็คือ Cappucino, Latte, Espresso, ...

หลังจากนั้น ผมจึงเปลี่ยนชื่อ Username ผมใหม่ กลายเป็น coffeelucky





อ่านมาถึงตรงนี้กันแล้ว เชื่อว่าคงจะรู้สึกแล้วว่า "อ้าว แล้วไอ้คำว่า lucky ที่เติมมามันมาจากไหน หรือว่าเติมไว้สะเดาะเคราะห์กันเนี่ย"



คำว่า Lucky มันมาจากเลขที่ผมแล้วก็วันเกิดด้วย

ตอนอยู่ ม.ต้น ผมได้เลขที่ 13 ซึ่งมันก็คือ Lucky Number แถมผมยังเกิดวันที่ 3 เดือน 10

3 + 10 = 13

งั้นก็เติมคำว่า lucky เข้าไปหลัง coffee แล้วกัน



เลยเป็นที่มาของชื่อปริศนาที่หลายๆคนชอบถามถึงนะครับ 

Tuesday, September 2, 2014

ฤดูฝน

ผมเกลียดฤดูฝนครับ

ในบรรดาสามฤดูของประเทศไทย (ที่ไม่ใช่ร้อน ร้อนโคตร ร้อนชิบหายตายห่า) ฤดูฝนเป็นฤดูที่ผมเกลียดที่สุด
อากาศร้อนชื้นชวนเหนียวตัว ก่อนฝนตกก็ร้อนอบอ้าวซะยิ่งกว่าฤดูร้อน บางทีฝนก็ตกจนอากาศหนาวซะยิ่งกว่าฤดูหนาวที่ไม่เคยหนาว
จะออกจากบ้านไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก ถึงแม้ว่าปกติจะนิยมหมกตัวอยู่บ้านก็เถอะ แต่มันก็ออกไปปั่นจักรยานไม่ได้นะว้อย ไปกลับมหาวิทยาลัยก็ลำบาก

ยิ่งฝนช่วงนี้ยิ่งน่าหงุดหงิดเป็นพิเศษ
ตกแบบหยุมหยิม ตกแบบไม่สุดดี จะแรงก็ไม่แรง จะหยุดก็ไม่หยุด ปรอย ๆ ชวนให้ลังเลใจว่าจะรีบฝ่าฝนออกไปก่อนที่มันจะตกหนัก หรือจะรอให้มันหยุดเลยดี
แถมยังชอบตกตอนเช้า ๆ ไม่ก็เย็น ๆ ทำให้ถนนกรุงเทพฯที่รถติดอยู่แล้ว ติดหนักกว่าเดิมอีก

แต่ก็ไม่ใช่ว่าฝนจะไม่มีข้อดีเลย
อย่างน้อย วันไหนที่ฝนตก ก็อู้ไม่ต้องรถน้ำต้นไม้ได้
แถมตอนเรียนรด. วันนั้นก็จะได้เข้าไปนั่งในห้องสบาย ๆ ไม่ก็เลิกฝึกเร็วกว่าปกติ
ยิ่งวันไหนที่นอนตื่นสายได้ ฝนตกตอนเช้านี่จะยิ่งหลับสบายยิ่งกว่าเดิมอีก

เออ แต่ผมก็ยังเกลียดฤดูฝนอยู่ดีว่ะครับ

Monday, August 4, 2014

Japan Rail Way

ไปญี่ปุ่นมาสองครั้ง ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สุดยอดในหลาย ๆ ด้าน หลาย ๆ อย่าง
แต่ถ้าต้องเลือกขึ้นมาเพียงอย่างเดียว เป็นสุดยอดของสุดยอดของญี่ปุ่น ผมยกให้ "รถไฟ" ครับ

รถไฟ นับเป็นการคมนาคมหลักของประเทศญี่ปุ่น มีตั้งแต่รถไฟสายโลคอลหวานเย็นวิ่งวนรอบเมืองจอดมันทุกสถานี สายเอกซ์เพรสรวดเร็วจอดเฉพาะสถานีใหญ่ ๆ ไปจนถึงรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็นวิ่งข้ามเมืองข้ามเกาะกันเลย
อีกหนึ่งความน่ากลัวของรถไฟญี่ปุ่น คือแผนผังสถานีครับ (ใครอยากรู้น่ากลัวยังไง ลองกูเกิลว่า Tokyo rail map ดูก็ได้)
สถานีรถไฟที่นี่ก็มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่สถานีใหญ่ที่คนเดินกันมโหฬารมหาศาลบานตะไท (แต่แม่งเดินไม่ชนกันเลยได้ไงวะ) ที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันแบบโตเกียว ไปจนถึงสถานีที่ไม่รู้จะเรียกว่าสถานีได้ไหม คือแม่งมีแค่ชานชาลาโง่ ๆ อันนึงที่ทำจากไม้ยกสูงขึ้นมาจากพื้นเท่านั้น ชานชาลาเดียวด้วย แถมสั้นชนิดที่ว่าขบวนรถไฟเปิดทุกประตูไม่ได้ ประตูหลัง ๆ แม่งตกชานชาลา จุดซื้อตั๋วยังไม่มีด้วยซ้ำ ต้องไปซื้อบนรถเอา

แต่ส่วนที่ผมทึ่งที่สุดของรถไฟที่นี่ก็คือพนักงานครับ
มีอยู่วันหนึ่ง ผมเห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งบนชานชาลา (ไม่รู้ว่าต้องเรียกว่าตำแหน่งอะไรดี) หน้าที่ของเขาคือการเดินกลับไปกลับมาระหว่างชานชาลาซ้ายขวา คอยสอดส่องตลอดแนวบริเวณ ชานชาลาไหนมีรถไฟเข้า เขาก็จะไปยืนประจำจุด โบกธงทีนึงเป็นสัญญาณว่า ปลอดภัย เข้ามาได้ ก่อนรถไฟจะออกจากสถานี เขาก็จะมองอีกรอบเช็คว่าไม่มีผู้โดยสารกำลังขึ้นลงหรืออยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้น ยกธงเป็นสัญญาณบอกให้รถไฟออกจากสถานีได้
เฮ้ย พี่ครับ งานของพี่แม่งโคตรน่าเบื่อเลย วัน ๆ นึงพี่ทำงานกี่ชั่วโมง ต้องเดินไปเดินกลับยกธงอยู่แบบนี้นานแค่ไหน มีเปลี่ยนกะไหม ง่วงไหม เบื่อไหม มีวิธีจัดการกับความเบื่อยังไง มีเพื่อนคุยบ้างไหม
แต่ไม่ว่ารถไฟจะผ่านไปกี่ขบวน พี่แกก็ยังท่าทางแข็งขันขมักเขม้นกับการมองซ้ายขวาแล้วยกธงต่อไป คือพี่เขาดูจริงจังกับงานมาก มากจนผมสงสัยว่าตกลงงานมันสนุกจริง ๆ ใช่ไหม พี่ดูไม่เบื่อเลย

เออ แล้วสถานีนึงต้องมีคนแบบพี่กี่คน ยิ่งสถานีใหญ่ ๆ แบบโตเกียวงี้มีหลายสิบชานชาลา อื้อหือ
เจ้าหน้าที่ตำแหน่งอื่น ๆ ล่ะ พนักงานขับรถไฟ คนตรวจตั๋ว เจ้าหน้าที่บริการข้อมูล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ฯลฯ ตำแหน่งพวกนี้มาคิดดูแล้วก็น่าสนใจด้วยกันทั้งนั้น แต่ละวันพวกเขาทำอะไรกัน เจอกับลูกค้าแบบไหน มีวิธีดูแลรับมือลูกค้ายังไง

เออ พิมพ์มาตั้งนาน ไม่รู้จะจบยังไงให้สวย ๆ ว่ะ
เอาเป็นว่า ผมเลิกหวังให้รถไฟไทยได้ขนาดนั้นไปละ มึงได้สักครึ่งของเขาก็ดีชิบหายแล้วครับ

Tuesday, May 27, 2014

โยเกิร์ตติ้ง เกมออนไลน์ที่หลายคนคิดถึง

[Press Start - ePICK Magazine #05]

ถ้าพูดถึงเกมที่เกี่ยวกับโรงเรียน เราอาจจะคุ้นเคยกับชีวิตวัยรุ่นวุ่นรักของวัยมัธยม เรื่องราวสุดแสนซาบซึ้งจากความรักของเหล่านางเอก อดีตอันแสนขมขื่นของตัวละคร แต่ไม่ใช่กับทุกเกม เพราะยังมีโรงเรียนในโลกแฟนตาซีอันเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเวทมนตร์ นักรบ และสัตว์ประหลาด ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ได้อย่างง่ายดายนักซะด้วยสิ

ติดตามเรื่องราวของเกมโยเกิร์ตติ้ง เกมออนไลน์สายพันธุ์โรงเรียนแฟนตาซีได้ที่ ePICK Magazine ฉบับ Back to School



Saturday, April 26, 2014

ชาวประมงฮาเฮ ตกสิงโตทะเลทำโอเด้ง

[Press Start - ePICK Magazine #04]

เชื่อว่าหลาย ๆ คนในวัยผมต้องเคยผ่านเกมตกปลาอันเป็นตำนานมาแล้วเกมหนึ่ง เกมซึ่งไม่มีใครรู้ชื่อที่แท้จริง (เพราะอ่านไม่ออก) แต่ทุกคนเรียกมันว่าเกม

“ดุ่มโมะ”

ใน ePICK Magazine ฉบับ Summer Breeze


Tuesday, April 22, 2014

One Week Friends เพื่อนกันสัปดาห์เดียว

ไม่แน่ใจว่าฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ที่ญี่ปุ่นมีอนิเมะหลายเรื่องน่าดู หรือเพราะผมติดอนิเมะมากขึ้นกันแน่ เพราะผมติดตามดูอยู่หลายเรื่องทีเดียว เยอะกว่าซีซั่นที่ผ่านมาพอควรเลยล่ะ

Isshuukan Friends หรือ One Week Friends เป็นเรื่องที่ผมดูแล้วประทับใจเรื่องหนึ่ง
ว่าด้วยเกี่ยวกับเด็กสาวผู้ที่จะมีความทรงจำกับเพื่อนได้แค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันจันทร์ เรื่องเกี่ยวกับเพื่อนทั้งหมดจะถูกลืมทันที


ผมชอบเรื่องนี้ตั้งแต่ที่เห็นคอนเซปท์ของเรื่องและภาพตัวอย่าง ด้วยงานภาพที่ดูทั้งน่ารัก ทั้งสวยงาม ประกอบกับที่เพื่อนสัปดาห์เดียวให้ความรู้สึกแบบฟีลกู้ดโรแมนติคปนไปกับความเจ็บปวดเบา ๆ กับความน่าสงสารของนางเอก
อันที่จริงเนื้อเรื่องกลับเบากว่าที่ผมคาดไว้ ไม่แน่ใจว่าเพราะออกมาแค่สามตอนหรือเปล่า แต่ก็ทำให้ดูได้โดยไม่เครียดเกินไป

ถ้าใครกำลังหาอนิเมะซึ้ง ๆ ดู ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องจบแบบเรียกน้ำตาคนดูอย่างแน่นอน

Friday, April 4, 2014

งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 42

ดังเช่นงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติทุกครั้ง ยังไงเราก็ไม่พลาดแน่นอน

ครั้งนี้ไม่มีเป้าหมายเป็นพิเศษ แค่อยากไปเดินดูโดยรอบเท่านั้น ตั้งงบไว้ 2,000.- (เพราะถ้าใช้เกินกว่านี้จะไม่มีเงินกลับบ้าน)

หลังจากรวมพลกันเรียบร้อย เราเริ่มเดินจากโซนนอกกันก่อน ไม่ทันไรเงินก้อนแรกก็หลุดออกจากกระเป๋าเราไปแล้วด้วย SAO เล่ม 5
หลังจากวนเก็บสแตมป์กันนิดหน่อย เราก็ชะแว้บไปเห็น Log Horizon ที่ก่อนหน้านี้เคยบ่นไว้ว่าอยากอ่านเวอร์ชั่นนิยาย คราวนี้มาทั้งนิยายทั้งมังงะเลย (จริง ๆ เรื่องนี้เวอร์ชั่นมังงะมีหลายเวอร์ชั่นพอสมควร อันนี้เป็นเวอร์ชั่นของคุณฮาระ คาซึฮิโร่ ที่วาดภาพประกอบในเวอร์ชั่นนิยายด้วย) เราซึ่งอุทิศความติ่งให้กับเรื่องนี้จึงคว้าไว้อย่างรวดเร็ว เสียไปอีก 344.- (ผมเคยเขียนถึงเวอร์ชั่นอนิเมะไว้แล้วครับ อ่านกันได้ Log Horizon กับอนิเมะเกมออนไลน์ที่ไม่ใช่แค่เกม)
แวะบู๊ท TKO เก็บพี่เทพเล่ม 13 กับ 15 เพราะผมเคยซื้อเล่ม 14 ไว้แล้วโดยที่ลืมไปว่าตัวเองยังไม่ได้ซื้อเล่ม 13 สักที
เดินผ่านไปผ่านมา บังเอิญไปเห็นดอกเตอร์ฟรอสต์ การ์ตูนจิตวิทยาสัญชาติเกาหลีที่เคยอ่านในเน็ตแล้วรู้สึกชอบมาก ไม่คิดว่าจะมีคนแปลไทยแล้วเอามาตีพิมพ์
สุดท้ายก็ตามไปเก็บนิวยอร์คเฟิร์สไทม์ที่อุตส่าห์ลงทุนทำวิดิโอโฆษณาสุดฮาเป็นแบงค็อคเฟิร์สไทม์มาให้เราดูกัน

ตอนแวะไปบู๊ทเนชั่น บังเอิญไปเจอบอร์ดเขียนความรู้สึกของคนที่มีต่อนิตยสารบูมที่เพิ่งปิดตัวลงไป น่าเสียดายที่โพสต์อิทหมดแล้ว เลยอดเขียน ซึ่งมันหมดไปกับ "คิดถึงตัวเองนะ" "เตเต้รักเบ๊น" "จุ๊บ จุ๊บ" และอีกสารพัด
แต่ที่เหี้ยที่สุดคือ มีแผ่นนึงเขียนว่า "กูอ่านไปคิง"

t(' ' t)




สรุปความเสียหาย

SAO เล่ม 5 - 130.-
Log Horizon ภาคนิยาย - 279.-
Log Horizon ภาคมังงะ - 65.-
พี่เทพสองเล่ม - 80.-
ดอกเตอร์ฟรอสต์สองเล่ม - 335.-
New York 1st Time - 230.-

= 1,119.-